เมื่อวันก่อนได้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญบนรถสองแถว ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์จริง ที่ดิฉันไม่อาจจะลืมมันไปในชั่วชีวิตนี้..

ขออนุญาตยืมภาพประกอบมาจาก internet
เรื่องของเรื่องก็คือ.. เนื่องมาจากมีเหตุธุระด่วน ทำให้จำเป็นต้องเดินทางไปยังฟิวเจอปาร์ครังสิตตั้งแต่เช้า คือช่วงประมาณ 6 โมงเช้า ดิฉันกับเพื่อนสาวคนสนิทนั่งรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายข้างทางอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทว่ารอแล้ว รอเล่า.. รถเมล์เจ้ากรรมก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะผ่านมาซักคันเดียว บรรยากาศรอบกายช่างดูเงียบสงัด เวลาผ่านล่วงเลยไปสักพัก จนกระทั่งมีรถสองแถวเก่าๆคันหนึ่งวิ่งผ่านมา จู่ๆเพื่อนของดิฉันก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมาว่า..
" นี่ก็สายมากแล้ว ฉันว่าไปรถสองแถวดีกว่ามั้ยแก "
ดิฉันพยักหน้ารับคำ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังรถสองแถวคันนั้น บนรถมีคนอยู่ประมาณ 5 คน ป้าแก่ๆสองคนนั่งชิดติดกับบริเวณด้านในตัวรถ หญิงท้องแก่วัยกลางคนนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งแถวๆประตู ส่วนเด็กหนุ่มวัยรุ่น 2 คน นั้นยืนห้อยโหนโตงเตงอยู่บริเวณเสาท้ายรถอย่างไม่เกรงกลัวถึงเรื่องความปลอดภัย ดิฉันส่งยิ้มบางๆ แล้วจึงจูงมือเพื่อนสาวเดินไปหย่อนตัวนั่งลงข้างๆคุณป้าทั้งสองคน
เมื่อเห็นว่าผู้โดยสารนั่งประจำที่ดีแล้ว รถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆมุ่งหน้าสู่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต วิวสองข้างทางเต็มไปด้วยและหมู่บ้าน พ่อค้ากำลังทอดปาท่องโก๋อย่างขะมักเขม้น ถัดๆไปเป็นร้านหมูปิ้งส่งกลิ่นหอมฉุย ในร้านกาแฟเล็กๆ มีลุงแก่ๆสามคนนั่งจิบกาแฟหอมกรุ่น พร้อมกับโต้วาทีกันด้วยท่าทีจริงจัง คาดว่าน่าจะเป็นประเด็นเรื่องการเมือง ไกลออกไปอีกประมาณ 500 เมตร เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างร่าเริง อิริยาบทของผู้คนยามเช้านั้นช่างดูมีความสุขเสียจริงๆ มันเป็นภาพบรรยายกาศที่ดิฉันไม่ได้เห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ..
ชั่วอึดใจเดียว ดิฉันได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงโชยมาปะทะจมูก นั่นเป็นสัญญาณว่า รถได้แล่นผ่านมาจนถึงบริเวณโรงงานกระดูกป่นแล้ว กลิ่นกระดูกจากโรงงานส่งกลิ่นเหม็นเน่าชวนให้สะอิดสะเอียน ทุกคนต่างเอามือปิดจมูกโดยไม่ได้นัดหมาย และเมื่อจวนจะถึงสะพานลอยด้านหน้า รถเริ่มชะลอเล็กน้อย ก่อนจะหยุดนิ่งลงตรงบริเวณข้างเชิงสะพานลอย ปรากฏร่างของหญิงสาวผู้มาใหม่ เธอก้าวขึ้นมาบนรถด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ก่อนจะนั่งลงที่เบาะตรงข้ามกับดิฉัน ทุกคนบนรถก็คงคิดเช่นเดียวกันเป็นแน่ สายตาของเธอมันดูตื่นเต้นผิดปกติมากๆ จนทำให้ดิฉันอดเหลือบไปมองไม่ได้อีกครั้ง..
ดูๆแล้วเธอน่าจะมีอายุราวๆสัก 40 ปี กรอบแว่นสีใสที่เธอสวมอยู่ ไม่อาจบดบังสีหน้าและท่าทีระแวงนั่นได้เลย อาการตื่นเต้นยังคงมีเป็นระยะๆ วิกผมสีดำติดกันเป็นแพจนดูละม้ายคล้ายกับทรงเดทร็อค สภาพเหมือนพร้อมจะโบยบินออกจากศรีษะได้ทุกเมื่อ คาดว่าเจ้าของมันคงไม่ได้สางและทำความสะอาดมาสักพักแล้ว - -" มองถัดลงมาอีกนิด.. เสื้อคอปกได้รูปถูกสวมทับด้วยสูทสีดำตัวเก่ง กระโปรงพรีทสีดำยาวคลุมเข่านั่นก็ดูช่างเข้ากันกับรองเท้าคัทชูส้นสูงเสียจริงๆ เป็นเครื่องแบบพนักงานที่ดูดีมากๆ แต่เรียวขาแข็งแรงและขนที่ดกดำนั้น บ่งบอกได้ทันทีเลยว่า.. เธอเป็นผู้ชาย !
-- ภาพปลากรอบ --
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต้องกราบขอประทานอภัยน้าแอนนามา ณ ที่นี้ด้วย ไม่ได้ตั้งใจพาดพิงนะ แต่ว่าหน้าตาคล้ายๆแบบนี้เลย
ดิฉันถึงกับชะงักไปเล็กน้อย แต่เอาน่า.. ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย ก็คนเราเลือกเกิดไม่ได้สักหน่อยนี่เนอะ เมื่อคิดได้ดังนั้น ดิฉันจึงละสายตา และหันกลับไปคุยกับเพื่อนสาวอย่างสนุกสนาน และเหม่อมองวิวทิวทัศน์ด้านท้ายรถเหมือนอย่างเคย เวลาผ่านไปได้สักพัก.. แสงของดวงอาทิตย์ที่เริ่มทอเป็นประกาย ทำให้ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะดูเวลาบนหน้าจอ และในจังหวะที่กำลังก้มหยิบนั้นเอง สายลมวูบหนึ่งก็พัดมา มันแรงมากซะจนทำให้ผิวหน้าสะท้าน และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น..
ฟึ่บบบบบบบบบ !!!
พระเจ้า.. สาบานว่าดิฉันไม่ได้ตาฝาด !! สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นทำให้ตกตะลึง จนแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ
....ถุงน่องสีเนื้อ....
....กางเกงในจีสตริงสีแดงแปร๊ด....
...หมกหม่ำอีสานลูกโตขนาดเท่ากำปั้น...
....สายรัดถุงน่องสีแดงเข้ากันยกเซ็ท....
น... นี่มันอะไร... กันเนี่ยยยย
พรึ่บๆ พรั่บๆ
กระโปรงพลีทยังคงพริ้วสะบัดไปตามลมเหมือนธงปลาคาร์ฟ จีสตริงและหมกหม่ำออกมาส่งยิ้มแป้นทักทาย โดยที่ผู้ส่วมใส่นั้นไม่ได้แยแสเลยแม้แต่น้อย ช่างราวกับภาพเหตุการณ์เดจาวูที่ถูกฉายวนในสมองซ้ำๆ ทุกคนในรถช็อคสตั้นท์รัวๆไป 10 วินาที เมื่อเหลือบไปมองด้านซ้ายมือ ป้าข้างๆทั้ง 2 คน ถึงกับหน้าเหวอและหยุดเม้าท์กันโดยอัติโนมัติทันที หันไปหาเพื่อนสาวทางขวามือ ปรากฏว่าหน้านิ่งมาก แต่สายตานั้นบ่งบอกได้ชัดเจนว่า " เออ..ตูก็เห็นแล้วเหมือนกัน " ความเงียบเชียบได้เข้าปลกคลุมอีกรอบ บรรยากาศตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ดิฉันรีบหันหน้าหลบไปทางอื่นด้วยความรวดเร็ว
กำ.. เอาไงดีวะตรู จะหลุดขำก็ไม่ได้ เสียมารยาทตายเลย กลั้นขำเยี่ยวแทบเล็ด ระงับสติไว้ ยุบหนอ พองหนอ ไม่ขำหนอ..
และด้วยความที่เป็นคนเส้นตื้นอยู่แล้ว รู้ว่าถ้ามองต้องหลุดขำแน่ พยายามกลั้นใจไม่หันไปมอง แต่หางตาเจ้ากรรมก็ยังคงเห็นสีแดงแว๊บๆกระพืออยู่ตรงหน้า T_T ช่างเป็นวินาทีในชีวิตที่อยากจะแกล้งตายแล้วไปเกิดใหม่มากๆ Orz.. เพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ แต่เหมือนดวงชะตายังดีอยู่ เพราะเมื่อรถแล่นมาถึงหน้าโรงกษาปณ์ เธอก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและลงจากรถไป
แต่ทว่า ก่อนจะก้าวลงจากรถไปนั้น.. เธอได้ฝากสิ่งหนึ่งไว้ ซึ่งดิฉันจำได้ขึ้นใจไปตลอดกาล
.
.
เธอหันมาแสยะยิ้มให้ดิฉันค่ะ !!
ภาพปลากรอบ 2 ----- จีสตริงแบบนี้เลย 

หรือว่าอันที่จริงแล้ว นี่จะเป็นแฟชั่นใหม่ที่กำลังมาแรง ?
ปล. ถ้าคุณป้าได้มาอ่านกระทู้นี้ ได้โปรดอย่าทำอีกเลยนะคะ บ่องตงว่าหัวใจจะวายตาย
*** [กระทู้เล่าเรื่องช็อค] เหตุเกิดบนรถสองแถว ***
เมื่อวันก่อนได้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญบนรถสองแถว ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์จริง ที่ดิฉันไม่อาจจะลืมมันไปในชั่วชีวิตนี้..
ขออนุญาตยืมภาพประกอบมาจาก internet
เรื่องของเรื่องก็คือ.. เนื่องมาจากมีเหตุธุระด่วน ทำให้จำเป็นต้องเดินทางไปยังฟิวเจอปาร์ครังสิตตั้งแต่เช้า คือช่วงประมาณ 6 โมงเช้า ดิฉันกับเพื่อนสาวคนสนิทนั่งรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายข้างทางอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทว่ารอแล้ว รอเล่า.. รถเมล์เจ้ากรรมก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะผ่านมาซักคันเดียว บรรยากาศรอบกายช่างดูเงียบสงัด เวลาผ่านล่วงเลยไปสักพัก จนกระทั่งมีรถสองแถวเก่าๆคันหนึ่งวิ่งผ่านมา จู่ๆเพื่อนของดิฉันก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมาว่า..
" นี่ก็สายมากแล้ว ฉันว่าไปรถสองแถวดีกว่ามั้ยแก "
ดิฉันพยักหน้ารับคำ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังรถสองแถวคันนั้น บนรถมีคนอยู่ประมาณ 5 คน ป้าแก่ๆสองคนนั่งชิดติดกับบริเวณด้านในตัวรถ หญิงท้องแก่วัยกลางคนนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งแถวๆประตู ส่วนเด็กหนุ่มวัยรุ่น 2 คน นั้นยืนห้อยโหนโตงเตงอยู่บริเวณเสาท้ายรถอย่างไม่เกรงกลัวถึงเรื่องความปลอดภัย ดิฉันส่งยิ้มบางๆ แล้วจึงจูงมือเพื่อนสาวเดินไปหย่อนตัวนั่งลงข้างๆคุณป้าทั้งสองคน
เมื่อเห็นว่าผู้โดยสารนั่งประจำที่ดีแล้ว รถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆมุ่งหน้าสู่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต วิวสองข้างทางเต็มไปด้วยและหมู่บ้าน พ่อค้ากำลังทอดปาท่องโก๋อย่างขะมักเขม้น ถัดๆไปเป็นร้านหมูปิ้งส่งกลิ่นหอมฉุย ในร้านกาแฟเล็กๆ มีลุงแก่ๆสามคนนั่งจิบกาแฟหอมกรุ่น พร้อมกับโต้วาทีกันด้วยท่าทีจริงจัง คาดว่าน่าจะเป็นประเด็นเรื่องการเมือง ไกลออกไปอีกประมาณ 500 เมตร เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างร่าเริง อิริยาบทของผู้คนยามเช้านั้นช่างดูมีความสุขเสียจริงๆ มันเป็นภาพบรรยายกาศที่ดิฉันไม่ได้เห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ..
ชั่วอึดใจเดียว ดิฉันได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงโชยมาปะทะจมูก นั่นเป็นสัญญาณว่า รถได้แล่นผ่านมาจนถึงบริเวณโรงงานกระดูกป่นแล้ว กลิ่นกระดูกจากโรงงานส่งกลิ่นเหม็นเน่าชวนให้สะอิดสะเอียน ทุกคนต่างเอามือปิดจมูกโดยไม่ได้นัดหมาย และเมื่อจวนจะถึงสะพานลอยด้านหน้า รถเริ่มชะลอเล็กน้อย ก่อนจะหยุดนิ่งลงตรงบริเวณข้างเชิงสะพานลอย ปรากฏร่างของหญิงสาวผู้มาใหม่ เธอก้าวขึ้นมาบนรถด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ก่อนจะนั่งลงที่เบาะตรงข้ามกับดิฉัน ทุกคนบนรถก็คงคิดเช่นเดียวกันเป็นแน่ สายตาของเธอมันดูตื่นเต้นผิดปกติมากๆ จนทำให้ดิฉันอดเหลือบไปมองไม่ได้อีกครั้ง..
ดูๆแล้วเธอน่าจะมีอายุราวๆสัก 40 ปี กรอบแว่นสีใสที่เธอสวมอยู่ ไม่อาจบดบังสีหน้าและท่าทีระแวงนั่นได้เลย อาการตื่นเต้นยังคงมีเป็นระยะๆ วิกผมสีดำติดกันเป็นแพจนดูละม้ายคล้ายกับทรงเดทร็อค สภาพเหมือนพร้อมจะโบยบินออกจากศรีษะได้ทุกเมื่อ คาดว่าเจ้าของมันคงไม่ได้สางและทำความสะอาดมาสักพักแล้ว - -" มองถัดลงมาอีกนิด.. เสื้อคอปกได้รูปถูกสวมทับด้วยสูทสีดำตัวเก่ง กระโปรงพรีทสีดำยาวคลุมเข่านั่นก็ดูช่างเข้ากันกับรองเท้าคัทชูส้นสูงเสียจริงๆ เป็นเครื่องแบบพนักงานที่ดูดีมากๆ แต่เรียวขาแข็งแรงและขนที่ดกดำนั้น บ่งบอกได้ทันทีเลยว่า.. เธอเป็นผู้ชาย !
-- ภาพปลากรอบ --
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดิฉันถึงกับชะงักไปเล็กน้อย แต่เอาน่า.. ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย ก็คนเราเลือกเกิดไม่ได้สักหน่อยนี่เนอะ เมื่อคิดได้ดังนั้น ดิฉันจึงละสายตา และหันกลับไปคุยกับเพื่อนสาวอย่างสนุกสนาน และเหม่อมองวิวทิวทัศน์ด้านท้ายรถเหมือนอย่างเคย เวลาผ่านไปได้สักพัก.. แสงของดวงอาทิตย์ที่เริ่มทอเป็นประกาย ทำให้ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะดูเวลาบนหน้าจอ และในจังหวะที่กำลังก้มหยิบนั้นเอง สายลมวูบหนึ่งก็พัดมา มันแรงมากซะจนทำให้ผิวหน้าสะท้าน และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น..
ฟึ่บบบบบบบบบ !!!
พระเจ้า.. สาบานว่าดิฉันไม่ได้ตาฝาด !! สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นทำให้ตกตะลึง จนแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ
....ถุงน่องสีเนื้อ....
....กางเกงในจีสตริงสีแดงแปร๊ด....
...หมกหม่ำอีสานลูกโตขนาดเท่ากำปั้น...
....สายรัดถุงน่องสีแดงเข้ากันยกเซ็ท....
น... นี่มันอะไร... กันเนี่ยยยย
พรึ่บๆ พรั่บๆ
กระโปรงพลีทยังคงพริ้วสะบัดไปตามลมเหมือนธงปลาคาร์ฟ จีสตริงและหมกหม่ำออกมาส่งยิ้มแป้นทักทาย โดยที่ผู้ส่วมใส่นั้นไม่ได้แยแสเลยแม้แต่น้อย ช่างราวกับภาพเหตุการณ์เดจาวูที่ถูกฉายวนในสมองซ้ำๆ ทุกคนในรถช็อคสตั้นท์รัวๆไป 10 วินาที เมื่อเหลือบไปมองด้านซ้ายมือ ป้าข้างๆทั้ง 2 คน ถึงกับหน้าเหวอและหยุดเม้าท์กันโดยอัติโนมัติทันที หันไปหาเพื่อนสาวทางขวามือ ปรากฏว่าหน้านิ่งมาก แต่สายตานั้นบ่งบอกได้ชัดเจนว่า " เออ..ตูก็เห็นแล้วเหมือนกัน " ความเงียบเชียบได้เข้าปลกคลุมอีกรอบ บรรยากาศตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ดิฉันรีบหันหน้าหลบไปทางอื่นด้วยความรวดเร็ว
กำ.. เอาไงดีวะตรู จะหลุดขำก็ไม่ได้ เสียมารยาทตายเลย กลั้นขำเยี่ยวแทบเล็ด ระงับสติไว้ ยุบหนอ พองหนอ ไม่ขำหนอ..
และด้วยความที่เป็นคนเส้นตื้นอยู่แล้ว รู้ว่าถ้ามองต้องหลุดขำแน่ พยายามกลั้นใจไม่หันไปมอง แต่หางตาเจ้ากรรมก็ยังคงเห็นสีแดงแว๊บๆกระพืออยู่ตรงหน้า T_T ช่างเป็นวินาทีในชีวิตที่อยากจะแกล้งตายแล้วไปเกิดใหม่มากๆ Orz.. เพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ แต่เหมือนดวงชะตายังดีอยู่ เพราะเมื่อรถแล่นมาถึงหน้าโรงกษาปณ์ เธอก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและลงจากรถไป
แต่ทว่า ก่อนจะก้าวลงจากรถไปนั้น.. เธอได้ฝากสิ่งหนึ่งไว้ ซึ่งดิฉันจำได้ขึ้นใจไปตลอดกาล
.
.
เธอหันมาแสยะยิ้มให้ดิฉันค่ะ !!
ภาพปลากรอบ 2 ----- จีสตริงแบบนี้เลย

หรือว่าอันที่จริงแล้ว นี่จะเป็นแฟชั่นใหม่ที่กำลังมาแรง ?
ปล. ถ้าคุณป้าได้มาอ่านกระทู้นี้ ได้โปรดอย่าทำอีกเลยนะคะ บ่องตงว่าหัวใจจะวายตาย